สุขสัมผัสกับการ “นวดน้ำมัน”

หากถามว่าลูกค้าประเภทไหนนวดยากที่สุด เป็นลูกค้าที่ชอบนวดบ่อยๆ นวดมาหลายปีและต้องการนวดหนักๆหรือไม่ แบบนี้ไม่ใช่ลูกค้าที่นวดยาก ในความคิดของผมลูกค้าประเภทนี้กลับนวดสบาย ลูกค้าที่นวดยากที่สุดในความรู้สึกผม คือลูกค้าที่ไม่เคยนวดมาก่อนและอยากทดลองนวดครั้งแรก นวดยากครับ ลงเส้นลงนิ้วไม่ค่อยได้ จะเจ็บไปหมด เวลานวดตัวจะเกร็งเหมือนต้านมือที่เรานวด บางครั้งพยายามนวดแบบขยำๆ ก็ยังไม่สุขใจอีก เลยทำให้หมอนวดเกร็งไปด้วย กว่าจะจบคอสเรียกว่าเหงื่อแตกเลยทีเดียว ชีวิตเคยนวดเคสแบบนี้บ่อยเหมือนกัน นวดหลายครั้งเข้าลูกค้าส่วนใหญ่จะเริ่มชิน รู้จักผ่อนคลายไม่เกร็ง จนสู่การนวดที่สบาย แต่มีอยู่ประเภทหนึ่ง ไม่ชอบการนวดแผนไทยเลย บอกว่าเจ็บและไม่สบาย แบบนี้จะเข้าสู่การแนะนำให้ลองนวดน้ำมัน



การนวดน้ำมันจะต่างกับนวดแผนไทยมาก เรียกว่าใช้น้ำมันชโลมลูบไปทั้งร่าง ไม่มีลงเส้น ไม่มีกด ดัด ด้วยท่านวดที่โลมไล้ ฝ่ามือและนิ้วกรีดพลิ้วไสวไปตามลีลานวด โดยนวดจากท่านอนคว่ำ แผ่นหลังอันดับแรกด้วยเนื้อที่กว้าง คนถูกนวดก็ไม่เคอะเขิน นวดขาทั้งข้างในท่านอนคว่ำอยู่ การนวดน้ำมันยังคงใช้หลักเหมือนแผ่นไทย คือไล่เลือดให้กลับสู่หัวใจ ดังนั้นจะเป็นการไล่ขึ้นทั้งหมด หลังจากนั้นจะนอนหงาย โดยผ้าขนหนูจะปิดอยู่ตลอดด้วยวิธีการจับคลุมที่แยบยล นวดขาทั้งสองข้างในท่านอนหงาย นวดแขนทั้งสองข้าง นวดศีรษะ คอ หน้า เสร็จแล้วมานวดท้อง การนวดจะจบที่ท้อง อาจพลิกแพลงโดยให้นั่งขัดตะหมาก แล้วนวดบ่าคอไหล่เพิ่ม เหมือนแผนไทย ใช้เวลานวด 1 ชั่วโมงครึ่งถึง สองชั่วโมง



เคยถามคำถามกับลูกค้าที่นวดแผนไทยมาเป็นสิบๆปี ว่าเคยลองนวดน้ำมันหรือไม่และทำไม่นวดน้ำมันอีก ได้คำตอบว่า เคยนวดเมื่อสมัยนวดใหม่ๆ ตอนนี้ถ้าให้มานวดน้ำมันเหมือนสะกิดผิว ไม่มีความรู้สึกและผ่อนคลายอะไรอีก ในทำนองเดียวกัน เคยถามคนที่ชอบนวดน้ำมันมาหลายปี ว่าทำไมไม่ลองนวดแผนไทยบ้าง ได้คำตอบว่า เคยลองนวดแผนไทยหลายครั้งเหมือนกัน แต่ความสุขและผ่อนคลายที่ได้รับไม่เท่านวดน้ำมัน เลยนวดแต่น้ำมันตลอดมา เรื่องแบบนี้เรียกว่า นานาจิตตัง ดังนั้น หมอนวดที่หากินกับการนวดทั่วๆไป ต้องนวดน้ำมันเป็นด้วย

การนวดน้ำมันสมัยนี้มีชื่อเรียกและเพิ่มการนวดไปอีกต่างๆนานา ตามแต่จะอุปโลกน์ให้ไพเราะเป็นมนต์ขลังเรียกลูกค้า เช่นขัดผิว นวดครีม ทรีทเมนท์ แช่โอโซนจากุซซี่
ถ้าแบ่งการนวดตามลักษณะหนักเบา จะแบ่ง 3 เป็นลักษณะ
นวดเบาและช้า เช่น นวดอโรมา (การนวดที่มีน้ำมันหอมระเหยร่วมด้วย) นวดสวีดิส นวดสปา
นวดปานกลาง จะเรียกทั่วๆไปว่า นวดออย หรือ น้ำมัน
นวดหนัก เป็นการนวดให้นักกีฬา เช่น นวดสปอร์ต



ชีวิตนวดที่ผ่านมา ไม่ค่อยได้นวดน้ำมันบ่อยนัก จะนวดนานๆครั้ง ลูกค้าที่จะให้นวดน้ำมันส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย เมืองไทยเราเป็นเมืองร้อน ความสะดวกในการนวดยุ่งยาก ก่อนนวดต้องอาบน้ำก่อน หลังนวดอาบน้ำอีกที(บางคนก็ไม่อาบ) ผิดกับเมืองหนาว หลังนวดไม่ต้องอาบ น้ำมันที่นวดจะได้ซึมซับบำรุงผิวในตัว อีกอย่างการนวดที่สะดวกต้องเป็นร้านที่มีห้องนวดเฉพาะ มีเตียงนวดเฉพาะ ห้องอาบน้ำในตัว คนที่ทำงานร้าน จึงจะได้นวดน้ำมันบ่อยกว่า



น้ำมันที่ใช้นวด สมัยนี้มีสำเร็จรูปวางขายมากมาย ก็สะดวกดี อีกอย่างบางครั้งลูกค้าจะพกติดตัวมาเอง เป็นน้ำมันที่ซื้อเฉพาะจากต่างประเทศ สรรพคุณ ความหนืดพอเหมาะ อีกทั้งปรุงแต่งให้มีกลิ่นพอเหมาะกับการสูดดม ร้านนวดต่างๆส่วนมากจะมีผลิตภัณฑ์เป็นของตนเอง ไว้ใช้ในร้านหรือจำหน่าย น้ำมันนวดที่ดี ต้องมีความหนืดพอสมควร ไม่แห้งเร็วเกินไป เวลานวดไม่ต้องหยอดใส่น้ำมันบ่อย ถ้านวดน้ำมันบ่อยสามารถผสมสูตรน้ำมันนวดของตนเองขึ้นใช้ ให้มีกลิ่นหอมตามที่ต้องการ เช่น กลิ่นมะลิ ดอกไม้รวม หรือ Lavender เป็นต้น



ปัญหาอย่างหนึ่ง ตอนนวดน้ำมัน คือ แอร์เย็นเกินไป ลูกค้าจะหนาวแต่หมอนวดชอบและสบาย ความหนาวเย็นเกินไป ทำให้นวดแล้วเลือดลมไม่เดิน ดังนั้น จึงไม่ควรเปิดแอร์เย็นเกินไป การนวดน้ำมันที่เน้นหนัก เช่น นวดสปอร์ต บางจังหวะจะนวดเร็วด้วย หมอนวดต้องเตรียมผ้าขนหนูผืนเล็กพาดคอไว้ เตรียมซับเหงื่อได้เลย เพราะอย่างไรเสียเวลานวดเหงื่อจะออกอยู่แล้ว ไว้ซับเหงื่อกันหยดลงตัวของลูกค้า แต่ถ้าเป็นการเช่นนวดสปา นวดไม่หนัก และเน้นช้าก็ไม่ต้องเตรียมอะไร



การนวดน้ำมันมีอยู่หลายสำนัก เมื่อนวดนานๆเข้าจะจำท่านวดของแต่ละสำนักให้มีหลากหลาย และประยุทธ์เป็นท่าของตัวเอง การนวดต้องนวดไปตามท่าที่ฝึกมาตามขั้นตอน เพื่อจะได้ควบคุมเวลานวดได้ดังต้องการ นวด 1 ชั่วโมงใช้ท่าแค่นี้ นวด 1 ชั่วโมงครึ่งใช้ท่าแค่นั้น นวด 2 ชั่วโมงใช้ท่าทั้งหมด ทั้งนี้ทั้งนั้น จังหวะนวดช้าเร็วต้องควบคุมถูกต้องด้วย เวลานวดไม่ต้องจับเวลาหรือดูเวลาบ่อย เช่นเดียวกับนวดเชลยศักดิ์ นวดตามลีลาและขั้นตอนตามทักษะ จะควบคุมเวลาได้ เคยนวดน้ำมันช้าๆตามลีลา ทั้งนวดศีรษะและนวดหน้า บ่าคอไหล่ เรียกว่าครบสเต็ปกว่าจะเสร็จต้องใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมงทีเดียว



นวดดั้งเดิมหรือนวดพื้นเมืองของหลายประเทศเป็นการนวดน้ำมัน เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย และประเทศในแถบยุโรป นวดของเมืองจีนเป็นแบบทุยหน่า ส่วนของไทยเป็นการนวดกดจุดหรือไล่เส้นใช้นิ้วหัวแม่มือเป็นหลัก แต่ละประเทศก็มีจุดเด่นยากจะบอกว่าของใครดีที่สุด เพียงแต่ของไทยได้รับความยอมรับและจัดอยู่ในแนวหน้าของโลก เป็นความภาคภูมิในความเป็นเอกลักษณ์ของนวดแผนไทย ในทางกลับกัน ก็ยอมรับการนวดอย่างอื่นด้วย เช่นนวดน้ำมัน นวดฝ่าเท้า ให้มีการนวดหลากหลายในแวดวงการนวดของเมืองไทย เป็นที่โจทย์จรรย์ว่าหมอนวดไทยนวดได้หลากหลายและเก่งที่สุดในโลก